แนะนำหนังสือดีๆ
ชีวิตไม่ได้มีไว้ให้ยอมแพ้
ร้องไห้คร่ำครวญอย่างคนขวัญเสีย
เธอกล่าวโทษทุกสิ่งทุกอย่าง
ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เธอหวัง
ไม่มีอะไรเป็นอย่างใจ ไม่มีใครเข้าข้าง
ความเจ็บปวดที่เธอได้รับมามันมากมายมหาศาล
เกินกว่าสิ่งใดจะเยียวยา
เธอปล่อยให้น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย
ปล่อยให้หัวใจทุกข์ระทม
ปล่อยความฝันให้แตกสลาย
กอดเข่านั่งมองความพ่ายแพ้ของตัวเอง
มีสักวินาทีไหม ?
ที่เธอจะหันกลับมามองตัวเองอย่างถ่องแท้
ดวงตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำตานั้น
พร้อมที่จะเปล่งประกายความสดใส
ริมฝีปากที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
พร้อมที่จะยิ้มร่า
สองขาที่ทรุดลงอย่างอ่อนล้านั้น
พร้อมที่จะหยัดยืน
และหัวใจของเธอยังเต้นแรงอยู่
ไม่ได้แผ่วเบาลงไปเลย
มีสักวินาทีไหม ?
ที่เธอจะมองทุกสิ่งทุกอย่างรอบ ๆ ตัว
ทางข้างหน้าทอดยาว
รอให้เธอมาเหยียบย่าง
โลกใบนี้กว้างใหญ่
รอให้เธอออกไปเรียนรู้
ความหวังเป็นประกายเรืองรอง
รอจะโชติช่วงในดวงตาของเธอ
ความฝันยังโลดแล่นอยู่ในวันพรุ่งนี้
ความสุขปนไปในอากาศ
รอให้เธอสูดลมหายใจให้เต็มปอด
ญาติพี่น้อง …รักและห่วงใยเธอ
เพื่อนฝูง ... เอาใจช่วยเธอ
และคนอีกมากมายที่อยู่รอบ ๆ ข้าง
พร้อมจะเป็นกำลังใจนำเธอไปสู่ชัยชนะ
ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเธอเองแล้ว
ใครกัน ... ที่ทำให้เธอแพ้
ใครทำให้เธอแพ้
แค่ผิดหวังเพียงครั้งเดียว
เธอก็รู้สึกแล้วว่าชีวิตนี้หมดหวัง
แค่คนที่เธอรักคนหนึ่งเดินไปจากชีวิต
เธอก็รู้สึกแล้วว่าคนทุกคนเดินจากชีวิตเธอไปหมด
แค่เธอร้องไห้เพียงหนึ่งครั้ง
เธอก็รู้สึกแล้วว่าเธอจะไม่มีวันยิ้มได้อีก
โดยที่เธอไม่ได้นึกเลยว่า
นั่นเป็นเพียงแค่ความรู้สึก
ไม่ใช่ความเป็นจริง
เธอเสียใจ ก็แค่วันนี้ ตอนนี้
ความเป็นจริงคือไม่ใช่ตลอดไป
คนที่จากเธอไปก็แค่ไม่กี่คน
ความเป็นจริงคือ
เธอยังมีใครอีกมากมายที่อยู่กับเธอ
จริงอยู่ ... เมื่อเธอเป็นคนสัมผัส เป็นคนพบเจอ
เธอย่อมมีสิทธิ์จะคิด จะรู้สึก
แต่เมื่อรู้สึกแล้วก็ต้องรู้สึกให้เพียงพอ ให้พอดี
แค่นั้น แค่ตรงนั้น แค่เรื่องนั้น
เพราะไม่นานทุกอย่างก็จะดีขึ้น
เมื่อเวลาตรงนั้นผ่านไป
ไม่ใช่พอเกิดปัญหาขึ้นมาครั้งเดียว
เธอก็รู้สึกเลยเถิดไปไกล
คิดว่าจะต้องเป็นตลอดไป
ไม่มีเหตุผลที่ต้องคิดไปไกล
หรือต้องตัดสินว่านั่นคือ
ความรู้สึกทั้งหมดที่เหลือจากเวลาตรงนี้
จะต้องเป็นอย่างนี้ตลอดไป
จะหมดหวังก็หมดหวังไป
จะร้องไห้ก็ร้องไป
แต่ขอให้เชื่อเถอะว่า
นั่นเป็นเพียงความรู้สึกที่จะรู้สึกไม่นาน
แต่ความเป็นจริงของโลกจะทำให้เราเห็นว่า
ความรู้สึกของเราไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นที่สุด
ความเป็นจริงต่างหากที่ทำให้ชีวิตเป็นชีวิตจริง
ชีวิตไม่ได้มีไว้ให้ยอมแพ้
หรือคิดแค้นให้เปลืองความรู้สึก
หากวันหนึ่งเราพบว่า...
ตังเราเองได้กลายเป็นเพียงสะพานไม้เก่า ๆ
ที่ให้ใครบางคนข้ามไปแล้วเขาไม่เห็นค่า
เพราะบางทีคนที่เราคบหาอยู่
ก็อาจไม่ใช่ที่เดียวกับที่เราคิดว่าเราได้อยู่
ที่ที่ซึ่งอาจไม่ใช่มิตรอย่างที่เราเข้าใจ
แน่นอนว่า สิ่งเหล่านี้จะบั่นทอนความรู้สึก
ทำให้เสียใจ...ใช่เสียใจจริง ๆ
แต่จะเสียใจอย่างนั้นตลอดไปหน่ะหรือ
ถ้าไม่ลองตัดใจ แล้วมัวแตาคร่ำครวญ
อยู่กับความเป็นจริงที่เจ็บปวด และไม่อาจรับได้
แล้วชีวิตที่เหลือจากนั้นหล่ะ
จะเฝ้าคอยตัดพ้อโชคชะตา ตัดพ้อคนที่หักหลัง
และทรยศเราตลอดไปอย่างนั้นหรือ
จะให้คนที่หลอกใช้เรา
มีอิทธิพลหลอกหลอนเราอยู่อย่างนั้นหรือ
ลองย้อนกลับไปมองข้างหลัง
ในทุกสิ่งที่เราเคยทำให้เขา
ที่ช่วยเหลือเขา เราทำอย่างจริงใจหรือเปล่า
เราทำเพราะหวังสิ่งตอบแทนหรือเปล่า
ถ้าเราทำทุกสิ่งด้วยความปารถนาดีอย่างแท้จริงแล้ว
ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจหรอก
สะพานที่ทอดยาวให้ผู้คนข้ามไปมาตลอดชีวิต
ก็ไม่เคยเอ่ยอ้างบุญคุณ
ยังภูมิใจและยินดีที่จะซ่อนตัวอยู่อย่างไร้เกียรติ
และไม่มีใครถามถึงอยู่เช่นกัน
บางครั้งความภาคภูมิใจของคน
ก็ไม่ได้อยู่ที่คำกล่าวขวัญถึงอย่างชื่นชมเสมอไป
แต่อาจจะอยู่ที่...การทำให้ใจกว้าง ๆ
ซ่อนตัวอยู่ห่าง ๆ แอบมองอยู่ไกล ๆ
พร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ ที่ริมฝีปากของเราเอง
ชีวิต..ไม่ได้มีไว้ให้ยอมแพ้...
แค่ผิดหวังเพียงครั้งเดียว
เธอก็รู้สึกแล้วว่าชีวิตนี้หมดหวัง
แค่คนที่เธอรักคนหนึ่งเดินไปจากชีวิต
เธอก็รู้สึกแล้วว่าคนทุกคนเดินจากชีวิตเธอไปหมด
แค่เธอร้องไห้เพียงหนึ่งครั้ง
เธอก็รู้สึกแล้วว่าเธอจะไม่มีวันยิ้มได้อีก
โดยที่เธอไม่ได้นึกเลยว่า
นั่นเป็นเพียงแค่ความรู้สึก
ไม่ใช่ความเป็นจริง
เธอเสียใจ ก็แค่วันนี้ ตอนนี้
ความเป็นจริงคือไม่ใช่ตลอดไป
คนที่จากเธอไปก็แค่ไม่กี่คน
ความเป็นจริงคือ
เธอยังมีใครอีกมากมายที่อยู่กับเธอ
จริงอยู่ ... เมื่อเธอเป็นคนสัมผัส เป็นคนพบเจอ
เธอย่อมมีสิทธิ์จะคิด จะรู้สึก
แต่เมื่อรู้สึกแล้วก็ต้องรู้สึกให้เพียงพอ ให้พอดี
แค่นั้น แค่ตรงนั้น แค่เรื่องนั้น
เพราะไม่นานทุกอย่างก็จะดีขึ้น
เมื่อเวลาตรงนั้นผ่านไป
ไม่ใช่พอเกิดปัญหาขึ้นมาครั้งเดียว
เธอก็รู้สึกเลยเถิดไปไกล
คิดว่าจะต้องเป็นตลอดไป
ไม่มีเหตุผลที่ต้องคิดไปไกล
หรือต้องตัดสินว่านั่นคือ
ความรู้สึกทั้งหมดที่เหลือจากเวลาตรงนี้
จะต้องเป็นอย่างนี้ตลอดไป
จะหมดหวังก็หมดหวังไป
จะร้องไห้ก็ร้องไป
แต่ขอให้เชื่อเถอะว่า
นั่นเป็นเพียงความรู้สึกที่จะรู้สึกไม่นาน
แต่ความเป็นจริงของโลกจะทำให้เราเห็นว่า
ความรู้สึกของเราไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นที่สุด
ความเป็นจริงต่างหากที่ทำให้ชีวิตเป็นชีวิตจริง
บทความโดย... ลูกปัด สำนักพิมพ์ใยไหม
ที่มา ชีวิต..ไม่ได้มีไว้ให้ยอมแพ้...
ชีวิตไม่ได้มีไว้ให้ยอมแพ้
ชีวิตไม่ได้มีไว้ให้ยอมแพ้
“ บนเส้นทางชีวิต
เราจะแพ้ตลอดไปไม่ได้
ถ้าเราแพ้ เราจะไปอยู่ตรงไหนของโลก”
ชื่อเรื่อง : ชีวิตไม่ได้มีไว้ให้ยอมแพ้
ผู้เขียน : ลูกปัด
สำนักพิมพ์ : ใยไหม
หากการใช้ชีวิตในทุก ๆ วัน เริ่มทำให้คุณทดท้อ ถดถอย "ชีวิต...ไม่ได้มีไว้ให้ยอมแพ้" เล่มนี้ จะชวนคุณให้เริ่มหันกลับมามองตัวเองในแง่มุมที่หลากหลายมากขึ้น เพราะบนเส้นทางชีวิต เราจะแพ้ตลอดไปไม่ได้ ถ้าเราแพ้เราจะไปอยู่ตรงไหนของโลก เริ่มออกค้นหาตนเองไปพร้อม ๆ กับหนังสือเล่มนี้ได้เลย
“.........เมื่อปัญหามีไว้ให้แก้ เราทุกคนจึงต้องมีกุญแจประจำตัว ไว้ไขปัญหาให้คลายล็อค แล้วอะไรคือ “กุญแจดอกสำคัญ” นั้น คำตอบก็คือ “สติปัญญา และ กำลังใจ” ขณะที่เราเจอกับ มรสุมโหมกระหน่ำ เราอาจไม่สามารถ ลืมตา เพื่อมองหากุญแจ ดอกนั้นให้เจอ ผมเองก็เคยเป็นแบบนั้น จนกระทั่ง ใครบางคนมอบ “กุญแจสำรอง” ให้เราใช้ไขแทน ซึ่งก็คือ “ข้อคิดดี ๆ” ที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในหนัังสือเกี่ยวกับข้อคิดชีวิตและกำลังใจ หลายเล่มที่ผมได้อ่าน “ชีวิตไม่ได้มีไว้ให้ยอมแพ้” มันเป็นกุญแจสำรองอีกดอกสำหรับเรา....”
บางส่วนบางตอน :
"ก็แค่..."
เคยเป็นไหม ?
ทุกข์ร้อนกับการที่ต้องลุกขึ้นมาขัดแย้งกับใครสักคน
อาจจะเพราะคิดไม่ตรงกัน เห็นไม่เท่ากัน
ไม่ได้รู้สึกไปในทางเดียวกัน
มันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนทุกคน
มองของสิ่งเดียวกันในมุมเดียวกัน
และการที่เราต้องทำ หรืออธิบาย
ในสิ่งที่คนอื่นไม่เข้าใจนั้นก็เป็นเรื่องเหนื่อย
และบั่นทอนกำลังใจอย่างที่เราคาดไม่ถึง
จะทำให้เราหมดเรี่ยวแรง
หมดพลังในการสร้างสรรค์ ทำงานต่าง ๆ
จะทำให้เรารู้สึกแปลกแยก ไม่เข้าพวก
โดดเดี่ยว และเหป็นภาระของสังคม
ซึ่งจริง ๆ แล้ว สิ่งที่เราทำอยู่นั้น
อาจจะเป็นเพียงแค่อะไรสักอย่าง
ที่คนเหล่านั้นไม่เคยสัมผัส ไม่เคยมาเข้าใจใกล้ชิด
สิ่งที่เราทำ เราเป็น มันอาจจะไม่ได้เลวร้ายมากขนาดนั้น
อาจจะไม่ได้แย่อย่างนั้นก็ได้
ไม่จำเป็นหรอกที่จะให้ทุกคนเข้าใจ
ในสิ่งที่เราทำ เราเป็นในทุกเรื่อง
ไม่มีความจำเป็นที่จะเอาคำพูดหรือความคิดของคนอื่น
มาตัดสินตัวเราเอง
คนอื่นก็แค่มองเรา ตัดสินเรา ตัดสินสิ่งที่เราเป็น เราทำ
จากสิ่งที่เห็นได้ภายนอก และข้อมูลอย่างหยาบ ๆ
ไม่ได้ลงรายละเอียดในการศึกษาเรามากมาย
และไม่ได้อยากรู้เหตุผล ที่มาที่ไปอะไรมาก
“
ชีวิตไม่ได้มีไว้ ให้ยอมแพ้ (อยากให้อ่าน)
--------------------------------------------------------------------------------
ใ น ชี วิ ต ... มี ค น แ ป ล ก ห น้ า ห ล า ย ค น
ที่ ชั่ ว เ ว ล า ห นึ่ ง .. ก ล า ย ม า เ ป็ น ค น รู้ จั ก เ ป็ น เ พื่ อ น กั น
...เทคนิคการอ่านหนังสือยังงัยน่ะให้จำง่ายๆ...
ดีค่ะ...เพื่อนๆ มีเทคนิคในการอ่านหนังสือยังงัยดีน่ะให้จำง่ายๆมาฝากน้องๆด้วยนะค่ะ (ขอบอกเลยว่าพี่เคยลองมาแล้วนะค่ะ แอบไปถามเพื่อนๆที่เค้าได้เกรดดีๆมาค่ะ ว่าเค้ามีเทคนิคอะไร)
อ่ะ...มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ ตามมาๆๆๆ
ข้อที่ 1. น้องๆต้องใส่ใจเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆก่อนเลยล่ะ ดูซิ!!!ว่าวิชาไหนน่ะที่เราต้องสอบเป็นอันดับแรกๆ หยิบวิชานั้นขึ้นมาก่อนเลย เตรียมไว้นะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับวิชาที่จะสอบ ชีท เอกสารต่างๆ หรือแนวข้อสอบ(อันนี้สำคัญนะค่ะ หาให้เจอล่ะ) ค้นเลยๆ ทุกวิชานะค่ะ
ข้อที่ 2.แยกหมวดหมู่แต่ละวิชา ก่อน-หลัง แล้วหาที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบด้วยล่ะ
ข้อที่ 3.เตรียม ดินสอ/ปากกา สมุด และปากกาเน้นข้อความไว้ด้วยนะ
ข้อที่ 4.เริ่มอ่านวิชาที่จะต้องสอบก่อนเป็นวิชาแรกเลยค่ะ ตรงนี้แหละสำคัญมาก น้องๆอย่าอ่านๆๆๆๆๆแล้วก็อ่านเพื่อให้จบ แบบผ่านๆนะค่ะ ต่อให้น้องๆอ่านสัก 10 รอบแล้วบอกคนอื่นๆว่า "ก็เค้าอ่านเป็นสิบๆรอบแล้วอ่ะ แต่ทำไมทำข้อสอบไม่ได้เลยน่ะ?" อ่ะๆๆๆ!!! อ่านสัก 100 รอบก็ไม่ช่วยอะไรหรอกเจ้าค่ะ อ่านแล้วต้องทำความเข้าใจไปด้วย ตรงไหนที่คิดว่าสำคัญๆ น้องๆก็เน้นตรงจุดนั้นไว้ อาจจะใช้วิธีการจดบันทึกไว้ หรือ เน้นข้อความด้วยปากกาสีต่างๆก็ได้ค่ะ เพื่อว่าจะได้กลับมาอ่านอีกครั้ง
ข้อที่ 5.นั้นงัยๆๆๆพี่บอกไปตะกี้เองนะค่ะว่าอย่าอ่านแบบผ่านๆ ดูสิ!!!น้องๆลองกลับไปอ่านข้อ 3 ใหม่สิค่ะ แล้วดูซิว่าที่ต่อจากข้อ 3 นะเป็นข้อที่เท่าไหร่ ข้อที่ 4หายไปๆๆๆๆ ส่วนน้องๆคนไหนสังเกตเห็นก่อนที่พี่เฉลย น้องก็ไม่มีปัญหาในเรื่องของการอ่านหนังสือแล้วละค่ะ เก่งมากๆเลย ส่วนน้องๆคนไหนที่ไม่ทันได้สังเกต ก็เอาจุดนี้เนี่ยแหละค่ะไปลองปรับใช้กับการอ่านหนังสือดูตามที่พี่บอกไว้ในข้อที่ 4 นะค่ะ
ข้อที่ 6.อ่ะ ต่อๆๆ การไม่ปล่อยให้ท้องว่างก็เป็นสิ่งสำคัญนะค่ะ ถ้าน้องๆอ่านๆๆๆหนังสืออย่างเดียวจนลืมทานข้าวแล้วละก็ นอกจากน้องๆจะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแล้ว อาจจะทำให้ป่วย และทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ด้วยนะจ๊ะ สำคัญเลย ต้องหาอะไรทานเมื่อท้องว่างด้วยน้า...อย่าทรมาณตัวเองละ
ข้อที่ 7.ในการอ่านหนังสือ น้องๆควรเลือกเวลาที่รู้สึกว่าสมองเราพร้อมจะทำงานด้วยนะจ๊ะ แล้วเมื่อน้องๆรู้สึกว่าเริ่มอ่านไม่ไหวแล้วล่ะ อ่านนานมากไปทำให้ปวดตา ปวดหัว ให้น้องๆพักก่อน อาจจะหาอย่างอื่นทำ เช่นพักสายตาโดยการหาเพลงเพราะๆฟัง(อ่ะๆๆๆเลือเพลงที่ฟังแล้วจรรโลงใจด้วยละ ถ้าฟังเพลงที่หนักไป อาจทำให้ยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม ไม่รู้ด้วยนะเจ้าค่ะ) จะดูทีวี เล่นเกม หรือกิจกรรมอื่นๆที่ทำแล้วผ่อนคลายก็หามาลองทำกันดูนะเจ้าค่ะ แต่ๆๆๆๆแล้วก็แต่...อย่าพักจนเพลินละ เมื่อถึงเวลาที่ร่างกายผ่อนคลายเพียงพอแล้วก็กลับเข้าสู่โหมดการอ่านหนังสือต่อเลยยย (เอาน่าๆทนเอาหน่อยนะเจ้าค่ะ สอบไม่ได้มีมาบ่อยๆ ตั้งใจให้สุดๆไปเลย)
ข้อที่ 8.นั้นแน่ๆ พี่รู้นะว่าน้องๆเริ่มใส่ใจในรายละเอียดในการอ่านกันบ้างแล้ว คงคิดใช่มั้ยละ ว่าพี่จะแกล้งทำให้ข้อไหนหายไปอีกน่ะ!!! ดีแล้วค่ะถ้าน้องๆคิดแบบนี้นะ เป็นการฝึกตัวเองไปด้วย ให้เป็นคนรอบคอบ ดีค่ะๆ อ่ะต่อๆ
ข้อที่ 9.อ้า....อ่านไม่ทันแล้วอ่ะ!!!ทำไงดีๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนๆคนอื่นๆเกือบทุกคนละค่ะ ที่สำคัญเลย อย่าตื่นเต้นจนรนล่ะ ตั้งสตินะค่ะตรงนี้สำคัญมากๆเลย ให้น้องๆหยุดอ่านหนังสือต่อสักพักนึง แล้วดูซิว่า...พรุ่งนี้เราสอบวิชาอะไรบ้าง แล้วหยิบวิชาที่สอบเป็นวิชาแรกมาอ่านทบทวนก่อนเลย แล้วก็ทบทวนวิชาอื่นๆต่อไป (ตรงถ้าคิดว่ากลัวอ่านไม่ทันรอบทบทวนให้น้องๆอ่านในส่วนที่เน้น ที่สำคัญๆเอาไว้ก่อนเลย จำได้มั้ยเอ๋ยว่าในการอ่านรอบแรกพี่ให้น้องๆจดบันทึกที่สำคัญๆไว้ที่คิดว่าน่าจะออก หรือส่วนที่มันยาก จำไม่ได้ก็นำมาอ่านก่อนเลย ตรงส่วนไหนที่น้องๆจำได้ หรือเข้าใจก็เปิดผ่านๆเลยค่ะ ตอนนี้เราต้องทำเวลาแหละน่ะ)
ข้อที่ 10.เอาละ...อ่านหนังสือสอบก็ต้องฟิสหน่อย น้องๆบางคนอาจจะอ่านหนังสือเร็วและเข้าใจง่ายทำให้การอ่านหนังสือไม่ค่อยมีปัญหาเลยก็ดีไป ส่วนน้องคนไหนเป็นคนที่อ่านหนังสือช้าก็ต้องขยันกว่าคนอื่นๆหน่อยแล้ว อาจจะทำให้อ่านหนังสือไม่ทัน ทำให้ต้องนอนดึกหน่อย ก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะค่ะ หานมอุ่นๆหรือของว่างทานสักนิดนึง ใส่ใจในสุขภาพหน่อยนะค่ะ เพราะเดี๋ยวน้องๆอาจป่วยได้ แล้วเป็นงัยน่ะ ไปสอบไม่ได้ แย่เลยน่ะเจ้าค่ะ สำคัญเลย ถ้าอ่านหนังสือไม่ทันแล้วจริงๆ แต่ร่างกายเราไม่ไหวแล้ว อย่าฝืนนะค่ะ ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น รีบเตรียมตัวเข้านอนกันดีกว่าค่ะ ตื่นเช้ามาจะได้สดชื่น แถมถ้าเราตื่นเร็ว ก็จะมีเวลาอีกนิดในการทบทวนก่อนเข้าห้องสอบนะค่ะน้องๆ
***เป็นงัยค่ะ ทั้ง 10 ข้อที่พี่ได้นำมาฝากกัน ก็ลองนำไปทำตามกันดูนะค่ะ***
+++สุดท้ายๆๆแล้วก็ท้ายสุด ขอให้เพื่อนๆ ทุกคนทำข้อสอบได้นะเจ้าค่ะ แล้วขอให้เกรดออกมาเป็นที่น่าพอใจด้วยล่ะ โชคAจ้า...+++
- รวมเคล็ดการอ่านหนังสือให้ได้ผล อีกมากมายหลายเคล็ดลับ ลองเลือกให้สักวิธี น่าจะให้ผลดีแก่ตัวน้องๆ เองนะคะ
- ...เทคนิคการอ่านหนังสือยังไงน่ะให้จำง่ายๆ...
- 6 เทคนิคการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบให้ได้ผล ใน 1 เดือน
- 8 เคล็ดลับ การจดจำบทเรียน ได้อย่างแม่นยำ
- ฝึกการอ่านหนังสือ อย่างมีประสิทธิภาพ
- เคล็ดลับ 13 ประการ เพื่อการเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
- 4 ขั้นตอน การจัดตารางการอ่านหนังสือ
- ปัญหาที่พบบ่อยๆ.. เหตุเบื่ออ่านหนังสือ
- หลักการอ่านหนังสือเตรียมสอบ (ของสายศิลป์)
- เคล็ดลับง่ายๆ สำหรับการสอบเอ็นทรานซ์
- - เผย...เคล็ดลับ!!! ความจำดี-อ่านและรู้แล้ว ให้ "รีบนอนให้หลับ"
- ทายนิสัยจากการอ่านหนังสือ
- เอาเคล็ด เคล็ดลับ ก่อนสอบ ทำดูไม่เสียหาย 1,2
...เทคนิคการอ่านหนังสือยังงัยน่ะให้จำง่ายๆ...
ดีค่ะ...เพื่อนๆ มีเทคนิคในการอ่านหนังสือยังงัยดีน่ะให้จำง่ายๆมาด้วยนะค่ะ
ข้อที่ 1. น้องๆต้องใส่ใจเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆก่อนเลยล่ะ ดูซิ!!!ว่าวิชาไหนน่ะที่เราต้องสอบเป็นอันดับแรกๆ หยิบวิชานั้นขึ้นมาก่อนเลย เตรียมไว้นะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับวิชาที่จะสอบ ชีท เอกสารต่างๆ หรือแนวข้อสอบ(อันนี้สำคัญนะค่ะ หาให้เจอล่ะ) ค้นเลยๆ ทุกวิชานะค่ะ
ข้อที่ 2.แยกหมวดหมู่แต่ละวิชา ก่อน-หลัง แล้วหาที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบด้วยล่ะ
ข้อที่ 3.เตรียม ดินสอ/ปากกา สมุด และปากกาเน้นข้อความไว้ด้วยนะ
ข้อที่ 4.เริ่มอ่านวิชาที่จะต้องสอบก่อนเป็นวิชาแรกเลยค่ะ ตรงนี้แหละสำคัญมาก น้องๆอย่าอ่านๆๆๆๆๆแล้วก็อ่านเพื่อให้จบ แบบผ่านๆนะค่ะ ต่อให้น้องๆอ่านสัก 10 รอบแล้วบอกคนอื่นๆว่า "ก็เค้าอ่านเป็นสิบๆรอบแล้วอ่ะ แต่ทำไมทำข้อสอบไม่ได้เลยน่ะ?" อ่ะๆๆๆ!!! อ่านสัก 100 รอบก็ไม่ช่วยอะไรหรอกเจ้าค่ะ อ่านแล้วต้องทำความเข้าใจไปด้วย ตรงไหนที่คิดว่าสำคัญๆ น้องๆก็เน้นตรงจุดนั้นไว้ อาจจะใช้วิธีการจดบันทึกไว้ หรือ เน้นข้อความด้วยปากกาสีต่างๆก็ได้ค่ะ เพื่อว่าจะได้กลับมาอ่านอีกครั้ง
ข้อที่ 5.นั้นงัยๆๆๆพี่บอกไปตะกี้เองนะค่ะว่าอย่าอ่านแบบผ่านๆ ดูสิ!!!น้องๆลองกลับไปอ่านข้อ 3 ใหม่สิค่ะ แล้วดูซิว่าที่ต่อจากข้อ 3 นะเป็นข้อที่เท่าไหร่ ข้อที่ 4หายไปๆๆๆๆ ส่วนน้องๆคนไหนสังเกตเห็นก่อนที่พี่เฉลย น้องก็ไม่มีปัญหาในเรื่องของการอ่านหนังสือแล้วละค่ะ เก่งมากๆเลย ส่วนน้องๆคนไหนที่ไม่ทันได้สังเกต ก็เอาจุดนี้เนี่ยแหละค่ะไปลองปรับใช้กับการอ่านหนังสือดูตามที่พี่บอกไว้ในข้อที่ 4 นะค่ะ
ข้อที่ 6 อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแล้ว อาจจะทำให้ป่วย และทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ด้วยนะจ๊ะ สำคัญเลย ต้องหาอะไรทานเมื่อท้องว่างด้วยน้า...อย่าทรมาณตัวเองละ
ข้อที่ 7.ในการอ่านหนังสือ น้องๆควรเลือกเวลาที่รู้สึกว่าสมองเราพร้อมจะทำงานด้วยนะจ๊ะ แล้วเมื่อน้องๆรู้สึกว่าเริ่มอ่านไม่ไหวแล้วล่ะ อ่านนานมากไปทำให้ปวดตา ปวดหัว ให้น้องๆพักก่อน อาจจะหาอย่างอื่นทำ เช่นพักสายตาโดยการหาเพลงเพราะๆฟัง(อ่ะๆๆๆเลือเพลงที่ฟังแล้วจรรโลงใจด้วยละ ถ้าฟังเพลงที่หนักไป อาจทำให้ยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม ไม่รู้ด้วยนะเจ้าค่ะ) จะดูทีวี เล่นเกม หรือกิจกรรมอื่นๆที่ทำแล้วผ่อนคลายก็หามาลองทำกันดูนะเจ้าค่ะ แต่ๆๆๆๆแล้วก็แต่...อย่าพักจนเพลินละ เมื่อถึงเวลาที่ร่างกายผ่อนคลายเพียงพอแล้วก็กลับเข้าสู่โหมดการอ่านหนังสือต่อเลยยย (เอาน่าๆทนเอาหน่อยนะเจ้าค่ะ สอบไม่ได้มีมาบ่อยๆ ตั้งใจให้สุดๆไปเลย)
ข้อที่ 8.นั้นแน่ๆ พี่รู้นะว่าน้องๆเริ่มใส่ใจในรายละเอียดในการอ่านกันบ้างแล้ว คงคิดใช่มั้ยละ ว่าพี่จะแกล้งทำให้ข้อไหนหายไปอีกน่ะ!!! ดีแล้วค่ะถ้าน้องๆคิดแบบนี้นะ เป็นการฝึกตัวเองไปด้วย ให้เป็นคนรอบคอบ ดีค่ะๆ อ่ะต่อๆ
ข้อที่ 10.อ้า....อ่านไม่ทันแล้วอ่ะ!!!ทำไงดีๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนๆคนอื่นๆเกือบทุกคนละค่ะ ที่สำคัญเลย อย่าตื่นเต้นจนรนล่ะ ตั้งสตินะค่ะตรงนี้สำคัญมากๆเลย ให้น้องๆหยุดอ่านหนังสือต่อสักพักนึง แล้วดูซิว่า...พรุ่งนี้เราสอบวิชาอะไรบ้าง แล้วหยิบวิชาที่สอบเป็นวิชาแรกมาอ่านทบทวนก่อนเลย แล้วก็ทบทวนวิชาอื่นๆต่อไป (ตรงถ้าคิดว่ากลัวอ่านไม่ทันรอบทบทวนให้น้องๆอ่านในส่วนที่เน้น ที่สำคัญๆเอาไว้ก่อนเลย จำได้มั้ยเอ๋ยว่าในการอ่านรอบแรกพี่ให้น้องๆจดบันทึกที่สำคัญๆไว้ที่คิดว่าน่าจะออก หรือส่วนที่มันยาก จำไม่ได้ก็นำมาอ่านก่อนเลย ตรงส่วนไหนที่น้องๆจำได้ หรือเข้าใจก็เปิดผ่านๆเลยค่ะ ตอนนี้เราต้องทำเวลาแหละน่ะ)
ข้อที่ 11.เอาละ...อ่านหนังสือสอบก็ต้องฟิสหน่อย น้องๆบางคนอาจจะอ่านหนังสือเร็วและเข้าใจง่ายทำให้การอ่านหนังสือไม่ค่อยมีปัญหาเลยก็ดีไป ส่วนน้องคนไหนเป็นคนที่อ่านหนังสือช้าก็ต้องขยันกว่าคนอื่นๆหน่อยแล้ว อาจจะทำให้อ่านหนังสือไม่ทัน ทำให้ต้องนอนดึกหน่อย ก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะค่ะ หานมอุ่นๆหรือของว่างทานสักนิดนึง ใส่ใจในสุขภาพหน่อยนะค่ะ เพราะเดี๋ยวน้องๆอาจป่วยได้ แล้วเป็นงัยน่ะ ไปสอบไม่ได้ แย่เลยน่ะเจ้าค่ะ สำคัญเลย ถ้าอ่านหนังสือไม่ทันแล้วจริงๆ แต่ร่างกายเราไม่ไหวแล้ว อย่าฝืนนะค่ะ ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น รีบเตรียมตัวเข้านอนกันดีกว่าค่ะ ตื่นเช้ามาจะได้สดชื่น แถมถ้าเราตื่นเร็ว ก็จะมีเวลาอีกนิดในการทบทวนก่อนเข้าห้องสอบนะค่ะน้องๆ
***เป็นงัยค่ะ ทั้ง 10 ข้อที่ได้นำมาฝากกัน ก็ลองนำไปทำตามกันดูนะค่ะ***
+++สุดท้ายๆๆแล้วก็ท้ายสุด ขอให้ทุกคนทำข้อสอบได้นะเจ้าค่ะ แล้วขอให้เกรดออกมาเป็นที่น่าพอใจด้วยล่ะ โชคดีจ้า...+++
รวมเคล็ดการอ่านหนังสือให้ได้ผล อีกมากมายหลายเคล็ดลับ ลองเลือกให้สักวิธี น่าจะให้ผลดีแก่ตัวน้องๆ เองนะคะ